การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันที่สอง(25 มี.ค. 68) เป็นไปอย่างราบรื่น บรรยากาศการอภิปรายเข้มข้นต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม
นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ไม่สามารถไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้สักวินาทีเดียว เนื่องจากเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติของผู้นำประเทศ ขาดความรู้ความสามารถ ไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ ไม่มีเจตจำนงรับใช้ประชาชน พร้อมยกตัวอย่างหลายกรณี อาทิ การตอบคำถามสื่อผิดพลาดเกี่ยวกับค่าเงินบาทแข็ง การเลี่ยงตอบประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังอภิปรายถึงการสื่อสารของนางสาวแพทองธาร ที่ตอบคำถามบนเวทีต่างประเทศไม่ตรงประเด็น ทำไทยเสียโอกาส อีกทั้งยังมีพฤติกรรมบนโซเชียลมีเดียไม่เหมาะสม เช่น การโพสต์ภาพร่าเริงขณะประชาชนเผชิญภัยดินถล่ม พร้อมตั้งคำถามเจตจำนงรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาค่าไฟแพง การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การส่งชาวอุยกูร์กลับจีน คดีตากใบที่ปล่อยหมดอายุความ และการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ล่าช้า ต้องรอแรงกดดันจากต่างประเทศ
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายประเด็นชั้น 14 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีรู้เรื่องนี้ดีที่สุด เป็นตัวการสำคัญของเรื่องนี้ มีพฤติกรรมไม่อาจน่าไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป เห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัว มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ไร้ซึ่งความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อช่วยเหลือบิดาให้ได้สิทธิเหนือคนอื่นจนนำไปสู่การทำลายหลักนิติรัฐ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม สมคบกับพวกพ้องเพื่อสร้างระบบอภิสิทธิ์ชนที่อยู่เหนือกฎหมาย ส่งผลประเทศชาติเสียหายร้ายแรง
ขณะที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงยืนยันทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อคนทั้งประเทศอย่างสุดความสามารถ พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ลาออกไม่ได้คือความเป็นลูกสาว เมื่อมีกระบวนการตรวจสอบนายทักษิณในหน่วยงานต่าง ๆ ในฐานะลูกเอง ย่อมห่วงใยแน่นอน และในฐานะของนายกรัฐมนตรี ไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงหน่วยงานไหน ขออย่าดูถูกข้าราชการและระบบข้าราชการของไทย ยุคนี้ทุกอย่างตรวจสอบได้หมด และขอทุกฝ่ายวิจารณ์กันที่ผลงาน พิสูจน์ที่ความสามารถจะเป็นประโยชน์ต่อสภาและกับประชาชนมากกว่า
นอกจากนี้ สส.ฝ่ายค้านยังอภิปรายในหลายประเด็น อาทิ นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายการเอื้อประโยชน์ทุนต่างชาติสีเทา การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีจงใจปล่อยปละละเลยเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่กล้าแตะกลุ่มทุน ไม่ว่าจะทุนต่างชาติสีเทา หรือไทยเทา ด้านการบริหารเศรษฐกิจประเทศ โดยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ชี้ถึงภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น สินค้าขึ้นราคา ค่าไฟฟ้าแพง หนี้ครัวเรือนท่วมท้น ส่วนสินค้าการเกษตรราคาตกต่ำ ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำ รายได้แรงงาน กลับไม่เติบโต นายกรัฐมนตรีเคยระบุว่าจะขึ้นค่าแรง 400 บาท ในปี 2567 แต่กลับไม่สามารถทำได้จริง ทั้งที่มีอำนาจเต็มมือ ถือเป็นการโกหก หลอกลวงเพื่อหวังคะแนนเสียง ทำให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ชี้แจงทันทีว่า เห็นด้วยว่าเศรษฐกิจของไทยไม่ดี แต่เพราะเป็นมานานแล้ว และการที่เศรษฐกิจดีขึ้นเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐที่ทำมาเรื่อยๆ พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการเติมเงินลงไปในสังคม เช่น เงินดิจิทัล ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ภายหลังการอภิปรายของ สส.ฝ่ายค้านเสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังมีเวลาของฝ่ายค้านเหลืออยู่ ฝ่ายค้านจึงได้ให้เวลานายกรัฐมนตรีชี้แจง
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการอภิปรายทั้ง 2 วัน ทุกคนคงได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ สิ่งใดที่กระทบกระทั่งกันบ้างถือเป็นเรื่องปกติ และคิดว่าน่าจะทำงานร่วมกันต่อไปได้ พร้อมกล่าวถึงการอภิปรายของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้ย้ำเรื่องของภาวะผู้นำ ย้ำเรื่องการถูกครอบงำ แต่ตนคิดว่าไม่ต้องคิดแบบนั้นก็ได้ ไม่อยากให้ใครพูดแบบนี้ ส่วนตัวตนเคารพและให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้านฯ และไม่สงสัยในภาวะผู้นำของผู้นำฝ่ายค้านฯ อีกทั้งเส้นทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและพรรคที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ สังกัด มีชะตากรรมทางพรรคการเมืองคล้ายกัน ดังนั้น ทั้งตนและผู้นำฝ่ายค้านฯ คงต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ขออย่าด้อยค่าคนอื่น ตนเองในฐานะเป็นลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ย่อมถูกปรามาสมาตั้งแต่เป็นนิสิต นักศึกษา อยู่แล้ว และคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องเสียหายเช่นกันที่จะรับฟัง หรือนำข้อแนะนำของนายทักษิณมาพิจารณา เพราะเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ เป็นผู้ได้รับการยอมรับในวงกว้างในต่างประเทศ หากความคิดของนายทักษิณจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ตนมั่นใจว่าจะเป็นสิ่งที่ดี
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำกรณีที่รัฐบาลตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน ว่าคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดกับประเทศ สิ่งที่รัฐบาลทำได้คือการต้องใช้เวลาและใช้การอธิบายให้ทุกประเทศเข้าใจ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว จุดยืนคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 เพียงแต่ด้วยข้อกฎหมายที่ซับซ้อนทำให้การแก้ไขทำได้ยาก มีข้อเห็นต่างจากพรรคร่วมรัฐบาล และวุฒิสภา ทั้งเรื่องกฎหมายการทำประชามติและจำนวนครั้งในการทำประชามติ แต่รัฐบาลเพื่อไทยยังพยายามเดินหน้าด้วยการหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลต่อเนื่องในทุกนโยบาย ตนเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรคต้องมีความอดทน มีเหตุผล และมีความจริงใจ เป็นสิ่งที่ตนยึดถือ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ย้ำว่ารัฐบาลนี้เคารพในสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของทุกฝ่ายและไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยบอบช้ำเพียงใด พรรคเพื่อไทยเต็มไปด้วยนักการเมืองที่ต่อสู้เคียงข้างกับประชาชน ย่อมเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ทราบดีว่าการสร้างรัฐบาลในครั้งนี้ต้องพบกับความยากลำบาก แต่หากมีความตั้งใจอย่างมากที่จะผลักดันนโยบายสู่ประชาชน หากไม่เริ่มตั้งแต่วันนั้นจะมีนโยบายออกมาถึงประชาชนอย่างวันนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพรรคเพื่อไทยขอแบกไว้ในเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชน และเชื่อว่าในทุกที่ไม่มีใครอยากเป็นผู้ถูกกล่าวหา
จากนั้น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สรุปญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ที่ใช้เวลาตลอด 2 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเปิดประเด็นใหม่โดยเป็นประเด็นที่ไม่ได้อยู่ในญัตติ ว่าพรรคของตนและพรรคเพื่อไทยอยู่หัวอกเดียวกัน โดนวิกฤตยุบพรรค จึงขอตั้งคำถามกลับไปว่านายกรัฐมนตรีจะออกจากปัญหานี้อย่างไร พร้อมย้ำว่า นายกรัฐมนตรีขาดวุฒิภาวะ ขาดความรู้ความสามารถ ขาดเจตจำนง โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เจตจำนงอยู่ที่ใด และเจตจำนงทางการเมือง เหตุผลที่มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคืออะไร ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นการกล่าวหาซึ่งรัฐมนตรีมีหน้าที่ชี้แจง แต่กลับโยนข้อกล่าวหาต่างๆ มาให้ฝ่ายค้าน และที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปราย ไม่มีเรื่องใหม่ ตนยืนยันว่า หลายๆเรื่องเป็นเรื่องใหม่ แต่หากรัฐบาลมองเป็นเรื่องเก่า แล้วเหตุใดจึงยังไม่แก้ไข นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยังชี้แจงได้ไม่ชัดเจน ทั้งการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 การแก้ปัญหาค่าไฟแพง และยังคงต้องการคำตอบว่าสรุปแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร ป่วยเป็นอะไร ที่ทำให้ได้รับอภิสิทธิ์ในการไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ และทิ้งท้ายว่าสิ่งที่อยากได้ยินคำตอบจากนายกรัฐมนตรีคือ เมื่อไหร่ที่รัฐบาลจะหยุดเอาใจกลุ่มทุน หยุดบิดเบือนกฎหมายและเปลี่ยนดำเป็นขาว
ทั้งนี้ ภายหลังผู้นำฝ่ายค้านฯ อภิปรายสรุปญัตติเรียบร้อยแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอนัดประชุมเพื่อลงมติไว้วางใจให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีบริหารราชการต่อหรือไม่ ในวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น. จากนั้นสั่งปิดการประชุมเวลา 22.25 น.
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง
