24 ก.พ. 68 - ปธ. กมธ.วิสามัญฯ ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 รับการยื่นเรื่องคัดค้านการแก้ไขร่างกฎหมายของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา จากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ยืนยันฟังความเห็นรอบด้าน 

image

        นายธวัช สุระบาล ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง พ.ศ. 2558  และ ประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา รับมอบหมายจากประธานวุฒิสภา รับการยื่นหนังสือร้องเรียนคัดค้านการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา จากภาคีเครือข่ายชาวประมง 22 จังหวัดชายทะเล นำโดย นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย พร้อมคณะตัวแทนชาวประมง และเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายประมงภาคประชาชน

        สำหรับการเข้าร้องเรียนครั้งนี้ นายมงคล ระบุว่าสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวประมง 22 จังหวัดชายทะเล และ 28 องค์กร ที่ต้องการคัดค้านการแก้ไขร่างกฎหมายที่ สว. เสนอปรับแก้ไข เนื่องจากร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการของวุฒิสภา แต่มีกรรมาธิการวุฒิสภาเสนอปรับแก้ไขจำนวน 3 มาตรา ซึ่งสมาชิกสมาคมไม่เห็นด้วย เพราะกระทบต่อชาวประมงอย่างมาก โดยการเสนอแก้ไข อาทิ มาตรา 66 เกี่ยวกับการติดอวนโดยบังเอิญและมีการปล่อยสัตว์น้ำกลับลงทะเล ซึ่งกรรมาธิการ สว. แก้ไขกลับมาให้เป็นความผิด หรือ มาตรา 69 การกำหนดเงื่อนไขที่จะอนุญาตให้ทำประมงในพื้นที่ที่จะอนุญาตได้ โดยใช้อวนล้อมขนาดตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ทำการประมงนอกเขต 12 ไมล์ทะเลนับจากแนวทะเลชายฝั่งได้ในเวลากลางคืน แต่กรรมาธิการ สว. แก้ไขให้กฎหมายกลับไปใช้กฎหมายเดิมที่มีปัญหาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คือห้ามใช้อวนล้อมจับขนาดดังกล่าวในเวลากลางคืน ทำให้ชาวประมงภาคตะวันออกและจังหวัดอื่น ๆ ต้องล้มละลายเป็นจำนวนมากเพราะไม่สามารถออกทำการประมงได้ นายมงคล ย้ำว่าการเสนอแก้ไขกฎหมายทำประมงเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 62 หลังได้รับผลกระทบต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน นำมาสู่การแก้ไขปี 66 กระทั่งผ่านความเห็นของสภาผู้แทนราษฎรและเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ โดยมีตัวแทนประมงพื้นบ้าน นักวิชาการ เอ็นจีโอ และประมงพาณิชย์ ร่วมพิจารณาในกรรมาธิการ กระทั่งได้ข้อสรุปครบถ้วนตามร่างที่ สส. เห็นชอบแล้ว จึงถือว่าร่างกฎหมายนี้ได้รับการกลั่นกรองด้วยระยะเวลานานกว่า 5 ปี จึงต้องการให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบตามร่างที่สภาผู้แทนราษฎรเสนอ 

         ขณะที่ นายธวัช ประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา กล่าวภายหลังรับทราบประเด็นร้องเรียนว่า ขอยืนยันกรรมาธิการ และ สว. รับฟังความเห็นจากทั้ง 2 ฝ่าย  คือประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้านนำมาชั่งน้ำหนักประกอบการพิจารณา เพราะการพิจารณากฎหมายไม่อาจมองในมิติใดมิติหนึ่งได้ แต่จะต้องดูโดยรวม อย่างไรก็ตาม แม้ร่างกฎหมายนี้จะผ่านมติสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ยังมีข้อถกเถียงที่ไม่สามารถยอมรับได้จากทั้งสองฝ่ายกระทั่งเกิดการชุมนุมเรียกร้องในหลายพื้นที่ วุฒิสภาจะต้องมาดูในรายละเอียด โดยเฉพาะมาตรา 69 เกี่ยวกับอวนล้อมจับซึ่งมีความเกี่ยวข้อง ระเบียบของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ทั้งนี้ ต้องขึ้นกับมติของวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ. 68) หากวุฒิสภาเห็นชอบตามร่างของสภาผู้แทนราษฎร ร่างนี่จะเข้าสู่กระบวนการประกาศใช้เป็นกฎหมาย แต่หากวุฒิสภาเห็นชอบตามที่กรรมาธิการ สว. ปรับแก้ไข จะต้องนำกลับไปสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติว่าจะเห็นชอบตามร่างเดิมของสภาผู้แทนราษฎรหรือตามที่วุฒิสภาเสนอแก้ไข หากสภาผู้แทนราษฎรเห็นแย้งกับร่างของวุฒิสภา จะมีการตั้งกรรมาธิการร่วมกันพิจารณา แต่หากเห็นชอบจเนำไปสู่ขั้นตอนการประกาศใช้ จึงระบุว่ายังมีขั้นตอนการพิจารณาและยังมีเวลา ขึ้นอยู่กับความเห็นของ สว. ส่วนใหญ่ ในส่วนของกรรมธิการเป็นผู้ชี้ให้เห็นข้อมูลรายละเอียดเนื้อหาในแต่ละมาตราประกอบปับเหตุผล จึงขอยืนยันว่าจะพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดโดยคำนึงถึงส่วนรวมและประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญ

ลักขณา เทียกทอง ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ