นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคและกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย ให้ความเห็นกรณีรัฐบาลเลื่อนการพิจารณารายงานการศึกษาการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม จากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ออกไปก่อน ตามคำท้วงติงของหลายภาคส่วน รวมทั้งของพรรคไทยสร้างไทย นับเป็นการถอดชนวนความขัดแย้งจากความเห็นต่างทางการเมืองออกไปชั่วคราว
นายชวลิต ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ควรนำรายงานมาปรับปรุงใหม่ โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่ต้องคดีการเมืองและคดีอาญาที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง นับจากปี 2549 - ปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 20 ปี ซึ่งมีผู้ต้องคดีเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญพรรคการเมืองส่วนใหญ่ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านล้วนเห็นชอบให้มีการนิรโทษกรรมผู้ต้องคดีดังกล่าว ดังนั้น จึงควรเร่งดำเนินการในส่วนที่มีความเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ควรนำประเด็นความผิดตามมาตรา 112 มาเป็นอุปสรรค ซึ่งจะทำให้การนิรโทษกรรมเสียไปทั้งกระบวนการ โดยสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ผ่านมา เคยมีมติเมื่อ 19 สิงหาคม 2563 เห็นชอบให้มีการนิรโทษกรรมคดีการเมืองและคดีอาญาที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ยกเว้นไม่นิรโทษกรรมคดีความผิดตามมาตรา 112 และคดีทุจริต ทั้งนี้ กระบวนการพิจารณาคดีทุจริตต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม ซึ่งจากมติดังกล่าว มีข้อสังเกต คือ พรรคการเมืองที่เคยมีมติให้ความเห็นชอบล้วนยังอยู่ในสภาฯ ชุดนี้ โดยหากคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นำประเด็นนี้ไปเป็นเหตุผลในการประชุมชั้นกรรมาธิการ จะคลี่คลายปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ส่วนคดีความผิดตามมาตรา 112 มีทางออกอื่นหากผู้กระทำสำนึกในการกระทำ
นายชวลิต กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีหน้าที่ปกป้อง เทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง ดังนั้น รัฐบาลจึงควรแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนที่จะให้มีการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดด้วยการไม่ปฏิบัติขัดกับรัฐธรรมนูญเสียเอง คือ การไม่นิรโทษกรรมคดีความผิดตามมาตรา 112 แต่สามารถหาทางออกอื่นได้
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
แฟ้มภาพ