29 พ.ย.66 – คณะกรรมการ สว.พบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง เร่งติดตามความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ 4 อำเภอ จังหวัดนครสวรรค์ เดินหน้าแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนเขตอุทยานฯ พร้อมผลักดันระบบกระจายน้ำแบบแสงอาทิตย์บึงหล่ม แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่

image

           พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ (ตอนล่าง) พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา ประกอบด้วย นายชลิต แก้วจินดา/ พลเอก สำเริง ศิวาดำรง/ พลเอก ชาตอุดม ติตถะสิริ/ นายทรงเดช เสมอคำ/  นายเฉลียว เกาะแก้ว/ นายจิรชัย มูลทองโร่ย/ นายจัตุรงค์ เสริมสุข/ ว่าที่ร้อยตรี วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี/ รศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน กรรมการอำนวยการโครงการฯ นายบดินทร์ เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และนางสาวธิดานันท์ สุขมาก ผู้เชี่ยวชาญด้านติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่ภาคเหนือ สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับตัวแทนประชาชนจากทั้ง 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอลาดยาว อำเภอเก้าเลี้ยว อำเภอแม่เปิน อำเภอชุมตาบงและผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์

           ทางคณะกรรมการฯ และสมาชิกวุฒิสภา ได้ร่วมรับฟังความคิดเห็นจากส่วนราชการในพื้นที่ ในประเด็นการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค พื้นที่บึงหล่ม ซึ่งเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด และเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ของตำบลบ้านไร่ ตำบลเนินขี้เหล็ก ตำบลสระแก้ว ซึ่งแหล่งน้ำดังกล่าวมีความสามารถจะส่งน้ำไปยังพื้นที่อื่นๆได้ แต่เนื่องจากบึงหล่มใช้วิธีการส่งน้ำแบบธรรมชาติ ส่งผลให้การจ่ายน้ำไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร จึงมีความประสงค์ผลักดันระบบกระจายน้ำแบบแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มกำลังในการจ่ายน้ำ อีกทั้งพื้นที่บึงหล่มมีพื้นที่กว่า 1000 ไร่ จึงเหมาะที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว การแข่งขันกีฬาทางน้ำ ไปจนถึงการเป็นแหล่งการค้าตลาดเพื่อการเกษตรได้ในอนาคต ส่วนบริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำปิง บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลเก้าเลี้ยว อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ พบปัญหามีวัชพืชกีดขวางทางสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้การสูบน้ำมาใช้ในการอุปโภคในภารกิจของเทศบาลตำบลเก้าเลี้ยว และพื้นที่ใกล้เคียงทำได้ไม่สะดวก น้ำจากแม่น้ำปิงไม่ไหลเข้าคลองหาดเสลา ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ตำบลเขาดินขาดแคลนน้ำทางการเกษตร

            ขณะที่เรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ในเขตพื้นที่อำเภอแม่เปิน ซึ่งทั้งหมดเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขต ส.ป.ก. เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้ที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของราษฎรจึงไม่มีเอกสารใดๆ และการจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาท้องที่ ติดเงื่อนไขเรื่องการขออนุญาตใช้ที่ดิน ส่งผลการพัฒนาพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบากและไม่ทันเวลาตามที่ระยะเวลากำหนด เช่นเดียวกับที่ดินของประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 1, 2 ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ ประมาณ 200 ครัวเรือน ยังไม่มีเอกสิทธิในที่ดินอยู่อาศัยและที่ดินทำการเกษตร เนื่องจากเดิมประชาชนได้ยื่นขอออกแบบท้องถิ่นตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ตำบลห้วยน้ำหอม อำเภอลาดยาว (ปัจจุบันอยู่อำเภอชุมตาบง) ซึ่งแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ดังกล่าว ได้แจ้งการครอบครองเมื่อปี พ.ศ. 2498 เป็นการแจ้งการครอบครองหลังพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าคุ้มครอง พุทธศักราช 2489 ซึ่งเป็นการแจ้งการครอบครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานการขอออกโฉนดที่ดินได้ ทั้งที่ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นที่อยู่อาศัยที่ดินเกษตรกรรมแล้ว

          ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ ได้รับเรื่องไปดำเนินการและให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่าจะดำเนินการพร้อมจะประสานกับผู้ให้ข้อมูลต่อไป และตัวแทนประชาชนที่เข้าร่วมครั้งนี้ได้กล่าวขอบคุณและกล่าวว่าประเด็นต่าง ๆ ที่นำเสนอในครั้งขอให้หน่วยงานทั้งพื้นที่และสมาชิกวุฒิสภาได้ดำเนินการและประสานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อประชาชน

          ด้าน คณะสมาชิกวุฒิสภา ได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องและจะนำไปพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภาต่อไป

 

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

สำนักประชาสัมพันธ์ สนง.เลขาธิการวุฒิสภา ข้อมูล/ภาพ

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ