นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลในโซเชียลมีเดียเรื่อง “เชยแล้ว กินปลาแล้วฉลาด สมัยนี้ กินปลาแถมปรอท” ซึ่งระบุว่าพบการสะสมปรอทในปลาทะเลและปลาน้ำจืดใน 8 พื้นที่ จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร ระยอง ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา เลย ขอนแก่น และจันทบุรี พบปริมาณการปนเปื้อน ของปรอทเกิน 24 เท่าจากมาตรฐาน จนอาจนำมาสู่มินามาตะโมเดลในประเทศไทย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้บริโภค มีความวิตกเรื่องความปลอดภัยจากการบริโภคสัตว์น้ำจากแหล่งดังกล่าวนั้น ขอชี้แจงว่า สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะห้องปฏิบัติการอ้างอิงของประเทศและอาเซียน ด้านการตรวจวิเคราะห์คุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ได้รวบรวมข้อมูลผลตรวจวิเคราะห์ปรอททั้งหมดในปลา สัตว์น้ำ และอาหารทะเล ตั้งแต่ปี 2563 - 2566 จำนวน 108 ตัวอย่าง พบปริมาณการปนเปื้อน อยู่ระหว่าง 0.001 - 0.840 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่เกินค่าปนเปื้อนสูงสุดทุกตัวอย่าง โดยมีค่าเฉลี่ยและค่ามัธยฐาน 0.0025 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และ 0.0010 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าปลา สัตว์น้ำ และอาหารทะเลของไทย ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย ประชาชนสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย โดยประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 414) พ.ศ. 2563 ออกตามความพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีสารปนเปื้อน กำหนดให้มีปริมาณสารปรอทได้ไม่เกิน 0.5 - 1.7 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับชนิดของปลาและชนิดของอาหาร อย่างไรก็ตาม สารปรอทหรือโลหะหนักสามารถปนเปื้อนในอาหารได้ แม้ผ่านการปรุงด้วยกระบวนการต่างๆ ก็ไม่สามารถลดการปนเปื้อนได้ จึงควรเลือกบริโภคปลากินพืช เช่น ปลาสลิด ปลานิล ปลาจีน และบริโภคปลาผู้ล่าระดับบนของห่วงโซ่อาหาร ที่มีชีวิตยืนยาวกว่าชนิดอื่น เช่น ปลาดาบ ปลาทูน่า แต่ให้บริโภคพอเหมาะหรือน้อยลง เพื่อลดโอกาสการได้รับสัมผัสการปนเปื้อนปรอทหรือโลหะหนัก และเลี่ยงการกินแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืดบางชนิด เพราะเสี่ยงเกิดโรคพยาธิใบไม้ตับได้
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ข้อมูล/ภาพ
