27 ก.ย. 68 - กมธ.การทหาร วุฒิสภา ร่วมถกปัญหาความมั่นคงชายแดน แรงงานต่างด้าว ยาเสพติดและเขื่อนแม่น้ำกระบุรี ณ มณฑลทหารบกที่ 44 ค่ายเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร สนับสนุนแนวทางเชิงรุกแก้ปัญหาชายแดนควบคู่กับการสร้างความร่วมมือกับเมียนมา พร้อมหนุนโครงการป้องกันตลิ่งแม่น้ำกระบุรี

image

          พลเอก สวัสดิ์  ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ หนูนวล รองประธาน กมธ.คนที่หนึ่ง ร้อยตำรวจเอก ฉลอง ทองนะ รองประธาน กมธ.คนที่สอง นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล โฆษกและเลขานุการ กมธ. นายนิรุตติ สุทธินนท์ ที่ปรึกษา กมธ. นายวิรัตน์ ธรรมบำรุง ที่ปรึกษา กมธ. นายธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี กรรมาธิการ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นักวิชาการประจำคณะ และอนุกรรมาธิการกิจการทหารด้านความมั่นคงแบบองค์รวม ได้เดินทางไปศึกษาดูงานติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกับภารกิจการทหารและงานความมั่นคงแบบองค์รวม ความสัมพันธ์และความมั่นคงชายแดนภาคตะวันตก แรงงานต่างด้าว การหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์และการใช้โครงข่ายการสื่อสารข้ามประเทศ และอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ณ มณฑลทหารบกที่ 44 ค่ายเขตอุดมศักดิ์ ตำบลวังใหม่ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร โดยมี พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว รองแม่ทัพภาค 4 คนที่สอง และคณะ ให้การต้อนรับ

           จากนั้น พลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว รองแม่ทัพภาค 4 คนที่สอง พร้อมด้วยส่วนราชการฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายพลเรือนในจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง ได้ร่วมประชุมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการดำเนินงานที่กระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ โดยพบว่า ผลดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนภาคตะวันตก แรงงานต่างด้าว การหลบหนีเข้าเมือง และยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบทั้งการวางกำลังให้สอดคล้องลักษณะภูมิประเทศและพื้นที่ปกครอง รวมถึงการบูรณาการประสานงานฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ และฝ่ายพลเรือนซึ่งเป็นหน่วยในพื้นที่ขับเคลื่อนแผนงานต่าง ๆ สนับสนุนงานตามโครงการที่รับผิดชอบ การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนและสนับสนุนหน่วยงานอื่นในการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กำลังประจำถิ่น และปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ตามที่นโยบายของรัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกอ.รมน. โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดส่วนลาดตระเวนและสนับสนุนการปฏิบัติทางทหารในจังหวัดระนอง ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเมียนมาที่มีชาวต่างชาติ และชาวไทยพลัดถิ่นอาศัยอยู่และเดินทางข้ามพรมแดนไทย-เมียนมาอยู่เป็นประจำ ขณะที่การรักษาปลอดภัยของประชาชนและความเชื่อมั่นของภาคเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลความมั่นคงตามแนวรอยต่อชายแดน จึงจำเป็นต้องกำหนดแนวทางเชิงรุกของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมามากขึ้นด้วย

              นอกจากนี้ กมธ.ยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นในเรื่องของการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งของแม่น้ำกระบุรีที่มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา เพราะเป็นที่แบ่งเขตแดนประเทศไทยกับประเทศเมียนมา เนื่องจากตลอดแนวของแม่น้ำกระบุรีในพื้นที่ตำบลปากจั่น ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการกัดเซาะตลิ่งจนพังเสียหาย และส่งผลให้ร่องน้ำเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำที่อาจจะทำให้เป็นปัญหาเรื่องของเส้นเขตแดนในอนาคต ดังนั้น โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ควรได้รับการสนับสนับสนุนเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและเสริมความมั่นคงแข็งแรงของตลิ่งแม่น้ำกระบุรีให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้ง กมธ.ยังได้รับทราบปัญหาจากหน่วยงานราชการและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนองที่เข้าร่วมประชุม

ภายหลังการรับฟังข้อมูล กมธ. ได้มีข้อเสนอแนะเรื่องการใช้ประโยชน์ของชายฝั่งบริเวณท่าเรือกระบุรีที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ร้านค้า ที่จอดเรือข้ามฟาก หรือพื้นที่ชายฝั่งที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ซึ่งเป็นหาดโคลนและป่าชายเลนเป็นชายฝั่งอยู่ในสภาพสมดุลไม่มีการกัดเซาะ โดยขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันรักษาและใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องและนำมาสู่การพัฒนาพื้นที่จังหวัดระนองและจังหวัดชุมพร ทั้งนี้ กมธ.จะได้นำข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อเสนอแนะที่ได้มาประกอบการพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดไว้ภายใต้กรอบของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

สำนักประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา ข้อมูล/ภาพ

 

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ