พลตำรวจโท บุญจันทร์ นวลสาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จังหวัดสุรินทร์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วย นายรุจิภาส มีกุศล สว.จังหวัดสุรินทร์ ในฐานะโฆษกคณะกมธ.การกฎหมายฯ ได้เดินทางไปยังโรงสีข้าวของกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์บ้านยะสุ ตำบลตระเปียงเตีย อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนปัญหาต่าง ๆ และข้อเสนอของกลุ่มเกษตรกรข้าวอินทร์บ้านยะสุ และกลุ่มเกษตรกรปลูกพริกบ้านยะสุ โดยมี นายฐวัฒน์ ช่วยชูวงษ์ นายอำเภอลำดวน พร้อมด้วยนายศิริบูรณ์ ดวงแว่ว เกษตรอำเภอลำดวน นายสมศักดิ์ บุญยืนประธานกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์บ้านยะสุ ผู้นำชุมชน และเกษตรกร ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสะท้อนปัญหาด้านการตลาด ข้อจำกัดของต้นทุนการผลิต และการขาดแคลนแหล่งน้ำในการปลูกข้าวอินทรีย์
โดย คณะ กมธ.ได้รับทราบข้อมูลจาก นายอำเภอลำดวน ว่า กลุ่มเกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่มีเนื้อที่ร่วมพันไร่ นำโดย นายสมศักดิ์ บุญยืน ประธานกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์บ้านยะสุ มีสมาชิกประมาณ 40 ครัวเรือน ได้ปลูกข้าวอินทรีย์ ได้ผลผลิตที่มีมาตรฐาน ทางอำเภอจึงต้องการเห็นความก้าวหน้าและเติบโต มีผลผลิตที่ยั่งยืน มีคนที่สนใจเข้ามารวมกลุ่มมากขึ้น เพราะว่าการทำเกษตรอินทรีย์เป็นสิ่งที่ปลอดภัยต่อร่างกายด้วยและได้ราคาดีกว่าปลูกข้าวด้วยสารเคมี และมีความปลอดภัยต่อชีวิต
ขณะที่ ประธานกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์บ้านยะสุ กล่าวว่า กลุ่มมีสมาชิกกว่า 40 คน พื้นที่รวมราว 1,400 ไร่ เป็นอินทรีย์แท้กว่า 800 ไร่ และอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนกว่า 400 ไร่ ปัญหาหลักคือ เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและขาดเครื่องจักร ทำให้ช่วงตากข้าวได้รับความเสียหายจากฝน จึงต้องการเครื่องอบข้าวและเครื่องยิงสีเพื่อเพิ่มมูลค่าและลดการสูญเสีย พร้อมหวังว่าการมีเครื่องมือที่เหมาะสมจะดึงดูดเกษตรกรรายใหม่เข้ากลุ่มได้มากขึ้น กลุ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2553 ส่งเมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์ให้หลายพื้นที่ แต่ผลผลิตยังไม่พอต่อความต้องการเพราะข้อจำกัดด้านอุปกรณ์ ปัจจุบันมีใบรับรองมาตรฐานหลายรายการทั้งจาก PTS สุรินทร์ GI สุรินทร์ EU และ IFOM จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนเครื่องมือและแหล่งน้ำ เพื่อยกระดับการผลิตข้าวอินทรีย์ของชุมชน
ด้าน นางนอน เหลืองทอง เกษตรกรบ้านยะสุ กล่าวว่า ขณะนี้ ชาวนาลำบากเป็นหนี้ ธกส.จำนวนมาก ขอให้รัฐบาลช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอินทรีย์ให้มีผลผลิตขายได้ราคาสูง และไม่ให้นายทุนกดราคาข้าว สนับสนุนเครื่องอบข้าว เครื่องยิงสีข้าวคัดเมล็ดข้าว และแหล่งน้ำในการทำนาข้าว จึงขอฝากปัญหาดังกล่าวไปยังนายกรัฐมนตรีด้วย
ภายหลังรับฟังปัญหา ประธานคณะกมธ.การกฎหมายฯ ได้กล่าวว่า คณะ กมธ.และ สว.สุรินทร์ ได้ลงพื้นที่หลายอำเภอเพื่อรับฟังปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยพบว่า ข้าวอินทรีย์สุรินทร์ซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศยังเผชิญอุปสรรคด้านการส่งเสริมและพัฒนา แม้ความต้องการบริโภคข้าวอินทรีย์ของประชาชนจะเพิ่มขึ้นก็ตาม จึงเตรียมนำประเด็นทั้งหมดเสนอรัฐบาล เพื่อเร่งแก้ไขและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน พร้อมชี้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ปลูกทั้งข้าวอินทรีย์และพริกส่งขายทั่วประเทศ ซึ่งสมาชิกวุฒิสภายินดีสนับสนุนทุกด้านที่ช่วยเสริมรายได้และความเป็นอยู่ของชุมชน
ทั้งนี้ คณะ กมธ.จะนำข้อมูลที่ได้รับไปปรึกษาประธานวุฒิสภา เพื่อเสนอให้รัฐบาลประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้เกิดการสนับสนุนและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง
สำนักประชาสัมพันธ์ วุฒิสภา ข้อมูล/ภาพ
