27 ต.ค.68- สว.นพดล ตั้งกระทู้ถาม จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาไฟฟ้าครบคลุมทั่วประเทศ ด้าน รมช. มท. แจงการไฟฟ้านครหลวง ให้บริการครอบคลุม 100% ขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พบครัวเรือนเกิดใหม่ปีละ 2 หมื่นแห่ง เล็งใช้ “พลังงานทดแทน” และ “ไมโครกริด” ในพื้นที่มีข้อจำกัด

        นายนพดล  พริ้งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งกระทู้ถามถามนายอนุทิน  ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงการดำเนินมาตรการให้ประชาชนได้มีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันทั้งประเทศ ว่า ไฟฟ้า ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต แต่ปัจจุบันยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ นอกระบบจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นสิทธิที่พึงมีตามมาตรา 56 แห่งรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะปัญหาการเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าที่เกิดกับชุมชนในพื้นที่ห่างไกล พื้นที่เกาะ พื้นที่ภูเขา หรือพื้นที่ที่มีข้อจำกัดทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งไม่สามารถขยายระบบสายส่งไฟฟ้าไปถึงได้โดยสะดวก ส่งผลให้ประชาชนต้องพึ่งพาเครื่องปั่นไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือพลังงานแสงอาทิตย์แบบจำกัดซึ่งมีต้นทุนสูง ตัวอย่างเช่นบางครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แต่กลับไม่มีไฟฟ้าใช้มานานกว่า 30 ปี ดังนั้น ตนขอสอบถามรัฐบาลว่ามีแผนงานหรือโครงการใดในการแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ และมีกรอบระยะเวลาอย่างไร รวมทั้งมีการจัดสรรงบประมาณ หรือมาตรการสนับสนุนการติดตั้งระบบพลังงานทดแทนในพื้นที่ห่างไกลหรือไม่ ที่สำคัญการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีแนวทางประสานงานกับหน่วยงานอื่น เช่น กระทรวงพลังงาน เพื่อผลักดันโครงการ ไมโครกริด หรือระบบผลิตไฟฟ้าชุมชนในพื้นที่นอกระบบอย่างไร

        นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวชี้แจงว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องการมีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการทำให้ “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี” โดยการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ยืนยันว่าสามารถรับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่ได้ 100% แล้ว ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งรับผิดชอบ 74 จังหวัดทั่วประเทศ ยังคงเป็นปัญหาอยู่ เนื่องจากมีการพัฒนาและขยายตัวของบ้านเรือนอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีครัวเรือนที่เกิดขึ้นใหม่ประมาณ 20,000 ครัวเรือนต่อปี ทำให้ยากที่จะประกาศว่าครบ 100% ในทันที ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2525 จนถึงปัจจุบัน กฟภ. ได้ดำเนินการขยายเขตรวมทั้งสิ้นไปแล้ว 2,081,916 ครัวเรือน ใช้งบประมาณรวม 40,613 ล้านบาท สำหรับแผนงานขยายเขตไฟฟ้าของ กฟภ. นั้น ในปี 2568 กลุ่มบ้านเรือนราษฎรรายใหม่ ระยะที่ 2 ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 - ปัจจุบัน ได้ขยายเขตให้บริการไฟฟ้าไปแล้ว 179,248 ครัวเรือน ส่วนบ้านเรือนราษฎรรายใหม่ ระยะที่ 3 ซึ่งจะดำเนินการระหว่างปี 2568 – 2572 มีเป้าหมายขยายพื้นที่ให้บริการไฟฟ้า 146,000 ครัวเรือน ใช้งบประมาณกว่า 6,500 ล้านบาท

        รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวชี้แจงว่า ถึงการแก้ปัญหาในพื้นที่ที่ห่างไกลและมีข้อจำกัดด้านกฎหมาย ว่า กฟภ. ได้สำรวจพบว่ามีครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หวงห้ามของทางราชการ เช่น อุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 รวมจำนวนถึง 59,612 ครัวเรือน และกฟภ. กำลังพิจารณาขยายเขตจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่เหล่านี้โดยใช้วิธีการระบบเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าด้วย พลังงานทดแทน แทนวิธีการปักเสาพาดสายแบบปกติ โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนถูกใช้เป็นโมเดลสำคัญในการทดลองระบบพลังงานทดแทน โดยมีการตั้งงบประมาณ 83.5 ล้านบาท สำหรับ 5 กลุ่มหมู่บ้าน ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ 4 กลุ่มหมู่บ้าน และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 กลุ่ม คือ บ้านห้วยฮุง อำเภอขุนยวม คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ส่วนโครงการ ไมโครกริด และ โครงการไฟฟ้าชุมชน นั้น รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนเพื่อลดค่ากระแสไฟฟ้า และขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังเตรียมความพร้อมในการกำหนดรูปแบบและพื้นที่ที่มีความพร้อมในการดำเนินการ แต่ต้องไม่เป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ