นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียสุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งกระทู้ถามถามนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถึงปัญหาการรับรองคุณวุฒิจากต่างประเทศเพื่อใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งบุคลากรเข้ารับราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา รวมทั้งปัญหาความไม่ชัดเจนของอำนาจหน้าที่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการรับรองคุณวุฒิผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณี นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งถูกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงมีมติให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดี และได้บอกเลิกสัญญาจ้าง เนื่องจากใช้วุฒิการศึกษาปริญญาเอกที่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.พ. ในการสมัครงาน ว่า กรณีดังกล่าว ทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศหลายรายไม่ได้รับสิทธิ์อย่างเท่าเทียมตามมาตรฐานสากล โดยนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งสำเร็จการศึกษาหลักสูตร DBA (Doctor of Business Administration) จาก Pacific State University สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยดังกล่าวได้รับการรับรองโดยองค์กรรับรองวิทยฐานะ (Accrediting Council for Independent College and School: ACICS) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่รับรองวิทยฐานะของสถาบันระดับภูมิภาค และได้รับการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยรามคำแหงในตำแหน่งอาจารย์ตั้งแต่ปี 2554 โดยผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติของ ก.พ. ทุกขั้นตอน แต่ต่อมาในปี 2564 เมื่อท่านได้รับเลือกให้เป็นอธิการบดี คุณวุฒิปริญญาเอกของท่านกลับถูกนำมาตรวจสอบใหม่โดยทั้ง ก.พ. และ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่ามหาวิทยาลัยได้รับการรับรองจาก ACICS ตั้งแต่ปี 1996 - 2021 และหลักสูตร DBA ได้รับการรับรองตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ศึกษาอยู่ อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ได้นำมาใช้ในการพิจารณา ส่งผลให้ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ถูกถอดถอนจากตำแหน่งอธิการบดี ถูกเลิกจ้างจากตำแหน่งอาจารย์ เพิกถอนตำแหน่งวิชาการ และถูกเรียกคืนเงินประจำตำแหน่ง ในขณะที่มีนักศึกษาไทยที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตร และมหาวิทยาลัยเดียวกัน ในเวลาใกล้เคียงกันที่ไม่ได้เป็นอธิการบดี กลับได้รับการบรรจุและผ่านการรับรองคุณวุฒิจาก ก.พ. จึงเกิดข้อกังขาว่า การตรวจสอบอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแห่งดังกล่าวอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง มากกว่าการรักษามาตรฐานการอุดมศึกษา
นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวชี้แจงว่า สำนักงาน กพ. มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับรองคุณวุฒิ เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ส่วน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) เป็นผู้พิจารณารับรองคุณวุฒิสำหรับข้าราชการพลเรือนที่ประจำสถาบันอุดมศึกษา หรือในมหาวิทยาลัย และคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา (กมอ.) ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ มีหน้าที่สำคัญที่สุดในการจัดทำมาตรฐานการอุดมศึกษา และเทียบหลักสูตรการศึกษา ของสถาบันอุดมศึกษาในต่างประเทศกับหลักสูตรในประเทศ โดย กมอ. มีหน้าที่เทียบคุณวุฒิว่าวุฒิที่จบมาเทียบเท่ากับระดับใดในไทย โดยหลักสูตรและสถาบันต้องได้รับการรับรองตามกฎหมายของประเทศนั้น ๆ กล่าวคือทุกหน่วยงานก่อนจะรับรองวุฒิใด ๆ จะต้องส่งเรื่องมาที่ กมอ. ของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ เพื่อให้ เทียบคุณวุฒิให้ได้ก่อน ความสับสนที่เกิดอาจมาจากการที่ส่งเรื่องไปที่ ก.พ. โดยตรง ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของ ก.พ. ที่จะเทียบคุณวุฒิ ที่สำคัญ กมอ. ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าการรับรองหลักสูตรในต่างประเทศนั้น ไม่ได้รับรองตลอดชีวิต แต่อาจมีระยะเวลาจำกัด เช่น 5 ปี และผู้ที่ศึกษาต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ได้รับการรับรองนั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการอุดมศึกษาฯ จะดำเนินการจัดทำแพลตฟอร์มกลาง หรือฐานข้อมูลกลาง ในปีงบประมาณ 2569 เพื่อให้ผู้ที่จบการศึกษาจากต่างประเทศสามารถตรวจสอบได้ว่า หลักสูตรใด ในช่วงเวลาใด ได้รับการรับรองแล้ว แพลตฟอร์มนี้จะรองรับการยื่นขอเทียบคุณวุฒิทางออนไลน์ด้วย ทั้งนี้ หากเป็นหลักสูตรและสถาบันที่เคยผ่านการเทียบคุณวุฒิจาก กมอ. มาแล้ว จะใช้เวลา 15 วัน หากเป็นหลักสูตรที่ไม่เคยเทียบมาก่อน จะใช้เวลา 60 วัน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องได้รับความร่วมมือในการส่งเอกสารหลักฐานครบถ้วน ส่วนกรณีของ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ได้มีการยื่นอุทธรณ์มาถึง 6 ครั้งแล้ว และขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ศาลปกครอง คณะกรรมการอุทธรณ์จึงมีมติให้รอฟังคำวินิจฉัยจากศาลก่อน เพื่อป้องกันการก้าวล่วงอำนาจศาล ทั้งนี้ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ จะะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดความยุติธรรม สร้างมาตรฐานให้กับการอุดมศึกษา โดยไม่มีการเมืองหรือผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาแทรกแซง
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง