15 ต.ค. 68 - คณะอนุกมธ.ติดตามความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา ติดตามการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีของไทยที่มีผลใช้บังคับ อยู่ระหว่างการเจรจาและแผนเจรจาในอนาคต หวังเป็นเครื่องมือผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทย

image

           นายโสภณ มะโนมะยา ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และแรงงานของไทย ในคณะกมธ.การต่างประเทศ วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมคณะอนุกมธ.ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CA433 ชั้น 4 อาคารรัฐสภาโดยมีวาระพิจารณาแผนงานจัดทำรายงานการศึกษา จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ รายงานการวิเคราะห์และข้อเสนอแนะต่อความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป รายงานการวิเคราะห์และยกระดับความตกลงการค้าเสรีที่ไทยเจรจาสำเร็จแล้ว และ รายงานการวิเคราะห์และเสนอแนะแก่ความตกลงการค้าเสรีของไทยที่อยู่ระหว่างการเจรจาและมีแผนจะเจรจาในอนาคต โดยมี ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เข้าร่วมประชุม

           โอกาสนี้ ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า การใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของประเทศไทยปัจจุบันมีความหลากหลายทั้งด้านคู่ค้าและระดับการใช้สิทธิประโยชน์ โดยพบว่า FTA แบบทวิภาคี เช่น ไทย - ญี่ปุ่น หรือ ไทย - ออสเตรเลีย มีอัตราการใช้สิทธิค่อนข้างสูง เนื่องจากให้สิทธิทางภาษีมากกว่าความตกลงแบบพหุภาคี เช่น อาเซียน - ญี่ปุ่น ซึ่งมีขอบเขตกว้างและลดภาษีในระดับต่ำกว่า ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาสำคัญคือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้สิทธิภายใต้ FTA ในส่วนของการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย - สหภาพยุโรป ซึ่งถือเป็น FTA ยุคใหม่ มีเนื้อหาครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การบริการ การค้าดิจิทัล มาตรฐานสิ่งแวดล้อม และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะประเด็นอ่อนไหว เช่น การคุ้มครองพันธุ์พืชตามอนุสัญญาการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV 1991) และการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่อาจต้องเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการต่างชาติเข้าร่วมแข่งขันมากขึ้น อย่างไรก็ตามการเจรจาดังกล่าวเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการเข้าถึงตลาดยุโรป และเป็นการสร้างแรงผลักดันให้มีการปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขัน เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 นอกจากนี้ การขับเคลื่อน FTA ควรเน้นทั้งการเร่งรัดการเจรจาใหม่กับคู่ค้าสำคัญ เช่น สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร และการยกระดับการใช้สิทธิใน FTA ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่กับการปรับปรุงกฎระเบียบ การให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ และการใช้ FTA เป็นเครื่องมือผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง

สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา /ข้อมูล/ภาพ 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ