นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากกรณีคดีการสลายการชุมนุมเหตุการณ์ตากใบที่ขาดอายุความ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้และการฟื้นฟูความชอบธรรมของรัฐ พร้อมด้วยนายรอมฎอน ปันจอร์ รองประธานคณะอนุ กมธ. รับหนังสือจากนายซูกริฟฟี ลาเต๊ะ ผู้แทนเครือข่ายภาคประชาชนปาตานี (Project Sama Sama) และคณะ เพื่อยื่นข้อเสนอเชิงโครงสร้างเพื่อการปฏิรูปรัฐธรรมนูญว่าด้วยอำนาจรัฐ กฎหมายพิเศษและกระบวนการยุติธรรมในกรณีอาชญากรรมโดยรัฐ
โดย ผู้แทนเครือข่ายภาคประชาชนปาตานี กล่าวว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมตากใบเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ที่มีประชาชน 85 ราย เสียชีวิตจากการควบคุมฝูงชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้กฎอัยการศึก สะท้อนความล้มเหลวของโครงสร้างรัฐและกฎหมายที่เปิดช่องให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยปราศจากความรับผิดชอบ โดยเฉพาะเมื่อคดีหมดอายุความในเดือนตุลาคม 2567 ผู้กระทำผิดลอยนวลพ้นผิด ยิ่งตอกย้ำปัญหาเชิงโครงสร้างของกฎหมายไทยที่ไม่สามารถจัดการกับอาชญากรรมโดยรัฐได้ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทางเครือข่ายฯ จึงเสนอข้อเสนอเชิงโครงสร้างเพื่อการปฏิรูปรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาและรัฐบาล โดยขอให้จำกัดอำนาจกฎหมายพิเศษ อาทิ การประกาศหรือยกเลิกกฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ต้องมีกลไกตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ ห้ามใช้โดยไม่กำหนดระยะเวลา โดยต้องสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล และอาชญากรรมโดยรัฐต้องไม่หมดอายุความ อาทิ การละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงโดยรัฐต้องไม่มีอายุความและไม่สามารถนิรโทษกรรมได้พร้อมจัดตั้งกลไกอิสระในการสืบสวนและฟ้องร้องที่ไม่ขึ้นกับฝ่ายตำรวจและอัยการเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ต้องให้สิทธิประชาชนร่างและสร้างสรรค์รัฐธรรมนูญใหม่ทุกหมวด หรือเลือกตั้งตัวแทนเพื่อคัดเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มีสัดส่วนชัดเจนของตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มประเด็นการเมือง และภูมิภาค พร้อมบัญญัติหมวดสิทธิในการจัดการตนเอง การกระจายอำนาจ และการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ ทางเครือข่ายฯ ยังเสนอข้อเรียกร้องเร่งด่วนกรณีตากใบ โดยขอให้รัฐบาลประกาศรับรองเหตุการณ์ตากใบว่าเป็นโศกนาฏกรรมโดยรัฐ และขอขมาผู้สูญเสียอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้โดยทันที พร้อมผลักดันให้มีการสอบสวนใหม่คดีตากใบผ่านกลไกระหว่างประเทศ เพราะความยุติธรรมไม่ใช่การลืม แต่คือการฟื้นฟูและรับผิดชอบ
ด้าน นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า กมธ.จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อม ในการดำเนินการตามข้อเสนอที่ได้รับ โดยจะส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการที่จะมีการตั้งขึ้นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคการเมืองส่วนใหญ่เห็นด้วยกับวิธีการแก้ไข ส่วนประเด็นการเลือกตั้ง สสร. จะต้องยึดถือตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลัก ขณะที่คดีเหตุการณ์ตากใบที่เกิดขึ้นเมื่อ 21 ปีที่แล้ว อนุ กมธ.ได้ศึกษามาแล้ว 7-8 เดือน ซึ่งรายงานการศึกษาสอดคล้องกับข้อเสนอของทางเครือข่ายฯ โดยมีข้อเสนอสำคัญ 2 ประการ คือ ยกร่างกฎอัยการศึกใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยและมีกลไกตรวจสอบจากสภาฯ และแก้ไขมาตรา 95 ประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้อาชญากรรมโดยรัฐไม่มีอายุความการ ซึ่งหากผ่านการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะถือเป็นกฎหมายรำลึกเหตุการณ์ ที่ยืนยันว่าโศกนาฏกรรมแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก และเป็นกลไกป้องกันการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดต่อไป
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
