นายแพทย์ วาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีการอภิปรายต่อคำแถลงนโยบายของรัฐบาล ประเด็นฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา หลังได้ใช้เวลาอภิปรายไปเพียงเล็กน้อยก่อนยุติ เนื่องจากถูกประท้วงในที่ประชุมจาก สว. ว่า ตนเคารพและน้อมรับคำวินิจฉัยของประธานรัฐสภา แต่ตนไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยกรณีนี้เท่าใดนัก เพราะตนยังยืนยันว่าเนื้อหาและประเด็นที่ตนอภิปรายสอดคล้องและอยู่ในกรอบของญัตติอภิปรายต่อคำแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่สามารถวิเคราะห์และตั้งข้อสังเกตต่อถ้อยแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งอยู่ในหลักที่ 3 นโยบายที่ 9 ข้อ 9.2 การใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเพื่อประโยชน์ทางการเมือง อย่างชัดเจน โดยขณะที่ตนกำลังอภิปรายยังไม่เสร็จ ได้มี สว. ประท้วงอย่างหนัก ท้ายที่สุด เมื่อประธานรัฐสภา ได้ยื่นคำขาดว่าหากตนยังยืนยันว่าจะอภิปรายในประเด็นต่อ ประธานจะมีคำสั่งวินิจฉัยว่าไม่ให้ตนพูดอีก จากนั้น ตนจึงได้สรุปเนื้อหาเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าตนเหลือเวลาอภิปรายอีกมาก แต่ใช้ไปเพียงนิดเดียว ตามที่มีเวลาอภิปราย 30 นาที
นายแพทย์ วาโย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากคำอภิปรายดังกล่าว ทำให้ตนถูกขู่ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดย สว.ท่านหนึ่ง ทำให้ตนมีความรู้สึกกลัว ขณะเดียวกัน ตนมีความรู้สึกแปลกใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยส่วนตัวรู้สึกว่ากระบวนการที่จะฮั้วเลือก สว. ไม่ได้ง่าย มีความยากมาก พร้อมตั้งสมมติฐานในทางทฤษฎี เชื่อว่าไม่มีการฮั้วเลือก สว. แต่การจะเชื่อต้องพิจาณาจากพยานหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ประกอบด้วย แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อ ตนไม่ได้รับโอกาสให้อภิปรายต่อ ตนจึงต้องรีบสรุปเนื้อหาว่าการมีโพยระบุชื่อผู้ที่จะได้เป็น สว. นั้น เมื่อผลการเลือกเสร็จสิ้น ปรากฏว่ามีรายชื่อจำนวนมากถึง 80 - 90 % ตรงตามโพย ตนจึงได้นำข้อมูลที่พอจะหาได้มาวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือทางคณิตศาสตร์ เท่านั้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การมีโพยอย่างเดียวอาจจะไม่ผิด แต่หากการมีเส้นเงินสอดคล้องกับโพย จะเริ่มพบความผิดปกติ รวมถึงเส้นทางการโทรศัพท์ทั้งก่อนเลือก 1 เดือน และหลังเลือก 1 เดือน ซ้อนทับกันกับโพยรายชื่อและเส้นเงิน เป็นภาพสามมิติ จะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้มากขึ้น ทั้งนี้ ตนจะได้นำข้อมูลทั้งหมดที่ยังไม่ได้นำเสนอในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ไปเผยแพร่ในช่องทางอื่น ๆ ต่อไป เนื่องจากตนมองว่าข้อมูลที่ตนมีนั้นมีน้ำหนักทางวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีได้ให้คำยืนยันต่อที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ว่า จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีฮั้วเลือก สว. และคดีที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วย ซึ่งสิ่งที่ต้องจับตาในระยะต่อจากนี้ คือในช่วง 4 เดือนนับจากนี้ รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี จะมีคำสั่งย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือไม่ เพราะจะถือเป็นการกระทำที่ชัดเจนมากว่าต้องการเข้าไปแทรกแซงกระบวนการดำเนินคดี
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง
