ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะ กมธ. ร่วมกัน เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ได้กล่าวชี้แจงว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของ กมธ.ร่วมกัน ซึ่งมีตัวแทนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตัวแทนหน่วยงานรายการ ผู้ประกอบการประมง และภาคประชาสังคม ร่วมเป็น กมธ. ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเปรียบเสมือน “ของขวัญ” ให้กับชาวประมง ที่ได้รับความเดือดร้อนมาเป็นเวลานับ 10 ปี โดยสามารถหาข้อสรุปร่วมกันใน 6 มาตราที่มีความเห็นแตกต่างกันได้ โดยไม่มีการลงมติแม้แต่ครั้งเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือและความเข้าใจอันดีของทั้งสองฝ่าย สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขใน 6 มาตรา นั้น ประกอบด้วย มาตรา 14 โดยมีการแก้ไขคำว่า “ทะเลสาบสงขลา” ซึ่งเป็นชื่อเฉพาะ ให้เป็นคำที่มีความหมายกว้างขึ้นคือ “ทะเลสาบที่ติดทะเล” เพื่อให้กฎหมายครอบคลุมทะเลสาบอื่น ๆ ที่มีลักษณะเดียวกันในอนาคตด้วย มาตรา 18 โดยมีการโอนอำนาจในการใช้มาตรการทางปกครอง เช่น การยึดหรืออายัดเรือ จากเดิมที่เป็นอำนาจของอธิบดีกรมประมงเพียงคนเดียว ไปให้คณะกรรมการมาตรการทางปกครองเป็นผู้พิจารณา เพื่อให้เกิดความรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากเรือประมงส่วนใหญ่เป็นเรือไม้ การอายัดอาจทำให้เรือเสียหายได้
นายปลอดประสพ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรา 24 มีการปรับแก้กฎหมายเพื่อให้ชาวประมง สามารถให้ความช่วยเหลือสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมที่หายาก เช่น วาฬ ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะโดยการปล่อยคืนสู่ทะเล หรือนำส่งโรงพยาบาลสัตว์ทะเล ซึ่งการแก้ไขนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในระดับนานาชาติแล้ว หลังจากมีข่าวชาวประมงช่วยกันปล่อยวาฬได้สำเร็จ ส่วนมาตรา 28 แก้ไขมาตรา 69 เกี่ยวข้องกับการทำประมงปลากะตัก เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมน้ำปลาซึ่งถือเป็น Soft Power ของไทย ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การใช้อวนขนาดเล็กซึ่งต่ำกว่า 2.5 ซม. โดยกำหนดว่า การทำประมงในเวลากลางคืนที่ต้องใช้ไฟล่อ จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นการดำเนินการทางวิชาการ หรือหากจะทำในเชิงพาณิชย์ ต้องผ่านการศึกษาวิจัยอย่างรอบด้าน รับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และต้องทบทวนข้อกำหนดทุก 2 ปี ขณะที่มาตรา 25 สำหรับความผิดร้ายแรงในทางปกครอง ได้มีการปรับแก้บทลงโทษโดยใช้หลักเมตตาธรรม โดยให้โอกาสแก่ชาวประมงที่ทำผิดเป็นครั้งแรก ไม่ถือว่าเป็นอาชญากร เพราะเรือประมงคืออาชีพและชีวิตของพวกเขา นอกจากนี้ มาตรา 70 การออกกฎหมายลำดับรอง เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์โดยเร็ว ได้ลดกรอบเวลาให้หน่วยงานราชการในการออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง 34 ฉบับ จากเดิม 2 ปี เหลือเพียง 1 ปี ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณ กมธ.ร่วมกันทั้งจากฝ่าย สส. และ สว. ที่ให้ความกรุณาต่อชาวประมง ด้วยการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ อันจะนำประเทศไทยกลับไปสู่การเป็นผู้นำด้านการประมงของโลก หรือ “เจ้าสมุทร” ได้อีกครั้งหนึ่ง
นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส. จังหวัดระยอง พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ. ร่วมกัน สัดส่วน สส. กล่าวว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ถือเป็นการคืนชีวิต ฟื้นศักดิ์ศรี ให้กับชาวประมง เนื่องจากกฎหมายประมงฉบับเดิมได้ส่งผลกระทบต่อชาวประมงนานกว่า 10 ปี และมีบทลงโทษที่สูงเกินกว่าเหตุ จำกัดให้ประมงพื้นบ้านต้องทำประมงอยู่แต่ในเขตทะเลชายฝั่ง ไม่เข้าใจวิถีชีวิตชาวประมงอย่างแท้จริง ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ ยึดหลักการสำคัญ คือ รับฟังเสียงของชาวประมง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ควบคู่ไปกับการจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน ลดบทลงโทษให้ได้สัดส่วน เน้นการป้องปรามเพื่อรักษาทรัพยากร แต่ไม่ลงโทษรุนแรงจนทำลายชีวิตชาวประมง ปลดล็อกให้ประมงพื้นบ้าน ไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในเขตทะเลชายฝั่งอีกต่อไป สามารถออกทำประมงได้ไกลเท่าที่ศักยภาพเรือจะไปไหว พร้อมก้าวไปสู่การประมงที่ยั่งยืน จากระบบจัดสรรโควตา จาก “วันทำการประมง” ไปเป็น “โควตาปริมาณการจับสัตว์น้ำ” โดยมีการอ้างอิงข้อมูลทางวิชาการ วิทยาศาสตร์ และหลักการ MSY (Maximum Sustainable Yield) หรือปริมาณการจับสูงสุดที่ยั่งยืน ผลที่ตามมา คือ ชาวประมงจะหันมาเลือกจับสัตว์น้ำที่เป็นเป้าหมายมากขึ้น และ ลดการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน ที่ติดมากับเครื่องมือโดยไม่ตั้งใจ สิ่งนี้จะนำไปสู่การรักษาทรัพยากรทางทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอสำหรับการทำประมงอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ภายหลังจาก สส. หลากหลายพรรคการเมืองได้อภิปรายอย่างกว้างขวางครบทุกมาตราแล้ว ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... ของที่ประชุมวุฒิสภา ผลปรากฏว่า คะแนนเสียงเห็นชอบ 357 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 1 เสียง ถือว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมของที่ประชุมวุฒิสภา และเห็นชอบข้อสังเกตของ กมธ. ร่วมกัน
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง