นายอรัญ พันธุมจินดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา กล่าวถึงปัญหาการขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ อาทิ โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนสอนทำอาหาร ดนตรี ศิลปะ กีฬา รวมถึงโรงเรียนสอนอาชีพต่าง ๆ ว่า สาเหตุของปัญหาดังกล่าวเกิดจากการขออนุญาตต้องยื่นสำเนาใบอนุญาตเปลี่ยนแปลงการใช้อาคาร หรือสำเนาใบรับรองการก่อสร้างอาคาร ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ พ.ศ. 2555 แม้ว่ากฎกระทรวงดังกล่าวจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าในใบอนุญาตก่อสร้างจะต้องระบุว่าอาคารที่ใช้เป็นสถานศึกษาเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ออกประกาศ เรื่อง การกำหนดประเภทและลักษณะของโรงเรียน การจัดการเรียนการสอนและหลักสูตรของโรงเรียนนอกระบบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 โดยกำหนดให้ผู้ยื่นต้องแนบเอกสารที่ระบุคำว่า “สถานศึกษา” ไว้ในใบอนุญาตก่อสร้าง ทำให้ประชาชนต้องไปยื่นขอแก้ไขใบอนุญาตก่อสร้างก่อน ซึ่งบางครั้งเป็นสถานที่เช่าทำให้ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขใบอนุญาตก่อสร้างได้ ดังนั้น จึงต้องเป็นอาคารขนาดใหญ่ซึ่งมีกฎหมายควบคุมอาคารรองรับ และบางแห่งเป็นอาคารใหญ่พิเศษที่มีมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสูงอยู่แล้ว สามารถจัดการประชุม จัดสัมมนารองรับประชาชนได้เป็นพันคน แต่กลับไม่สามารถนำมาจดทะเบียนเป็นโรงเรียนกวดวิชาได้ แม้จะใช้พื้นที่เพียง 100 ตารางเมตรเท่านั้น
นายอรัญ กล่าวด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นผลมาจากการตีความกฎหมายคลาดเคลื่อนโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือเกิดจากกฎกระทรวงที่ไม่ได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านในการประกาศกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ประกอบกับด้วยระยะเวลาการประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2555 จึงสมควรที่จะมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย เพื่อไม่ให้กฎกระทรวงฉบับนี้เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพของประชาชน ตนขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สช. ดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ พ.ศ. 2555 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ต่อไป
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง