6 ก.ย. 68 - สว.รุจิภาศ สะท้อน 3 ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา รายได้ลด มาตรการเยียวยาไม่ครอบคลุม ความไม่ปลอดภัยจากวัตถุระเบิด เรียกร้องรัฐบาลเจรจาปรับเกณฑ์เยียวยา เร่งเก็บกู้ระเบิดในพื้นที่เพื่อความปลอดภัย

 

image

             นายรุจิภาศ มีกุศล สมาชิกวุฒิสภา(สว.) เปิดเผยถึงผลกระทบจากสถานการณ์การปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยพบว่ามีปัญหาหลักที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน 3 ประการ ประการแรก ปัญหาด้านรายได้ ผู้ประกอบการร้านค้าบริเวณด่านช่องจอมมีรายได้ลดลงอย่างมากในช่วงเกิดเหตุปะทะ ส่งผลให้หลายครอบครัวขาดเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จ่ายค่าเล่าเรียนบุตร รวมถึงการชำระหนี้สิน ทำให้ภาระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประการที่สอง ปัญหาการเยียวยาจากภาครัฐ มาตรการเยียวยาผลกระทบจากภัยสงครามยังมีข้อจำกัด เนื่องจากสิทธิครอบคลุมเฉพาะผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่เกิดเหตุเท่านั้น ขณะที่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่มานาน แต่ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน กลับไม่ได้รับสิทธิ ถือเป็นความไม่เป็นธรรมที่ควรเร่งแก้ไข และประการที่สาม ปัญหาด้านความปลอดภัย เนื่องจากยังมีวัตถุระเบิดและกระสุนปืนจากกัมพูชาตกค้างในพื้นที่ ทั้งที่ตรวจพบแล้วและยังไม่ถูกเก็บกู้ ส่งผลให้ประชาชนกังวลต่อความปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวที่ชาวบ้านต้องออกไปทำการเกษตร

             นายรุจิภาศ กล่าวต่อว่าขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ 4 ด้าน คือ การเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน ประสานธนาคารและสถาบันการเงิน พิจารณามาตรการผ่อนผันการชำระหนี้ให้แก่ประชาชน เร่งเก็บกู้วัตถุระเบิดและกระสุนปืนตกค้าง เพื่อป้องกันอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน และปรับปรุงหลักเกณฑ์การเยียวยาเหตุภัยสงครามให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งที่มีหรือไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่ ทั้งนี้ ย้ำว่า มาตรการเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างความเป็นธรรม เพิ่มความปลอดภัย และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

 

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ