6 ส.ค.68- สส.พรรคประชาชน ขอบคุณสภาผู้แทนราษฎรหลังเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กลุ่มชาติพันธุ์ฯ ย้ำเป็นของขวัญให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ ในวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล 9 ส.ค.นี้ เตรียมตั้งคณะอนุ กมธ. เพื่อศึกษากระบวนการในการกำหนดประกาศเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรม เพื่อติดตามการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ต่อไป

image

        นายมานพ คีรีภูวดล พร้อมด้วย นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน และคณะ แถลงข่าวภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... ตามที่ประชุมวุฒิสภามีการแก้ไข ว่า ผลการลงมติดังกล่าวถือเป็นของขวัญให้กับประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ซึ่งในวันที่ 9 ส.ค.นี้ เป็นวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล ทั้งนี้ พรรคประชาชน เดินหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล เพื่อให้มีกฎหมายรับรองกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของรัฐสภาไทยที่ได้พิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์เข้าสู่การพิจารณาในวาระรับหลักการถึง 5 ฉบับ ได้แก่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และภาคประชาชน จนผ่านการพิจารณาของสภาฯ ในวันนี้ (6 ส.ค.68) ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ได้รับการรับรองสิทธิเพื่อยืนยันถึงการมีตัวตนในประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 บัญญัติไว้ แม้ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ยังมีประเด็นที่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต เนื่องจากทางวุฒิสภาได้มีการปรับแก้ไขเนื้อหาบางประเด็น อาทิ คำนิยาม กลุ่มชนพื้นเมือง และการประกาศเขตคุ้มครองตนเอง ซึ่งอาจจะยังไม่สอดคล้องกับความต้องการของทุกฝ่าย แต่ก็ถือว่าเป็นการรับรองพื้นที่ทางการเมืองของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยได้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากนี้ ตนเตรียมหารือกับ สส. ที่มีความสนใจเรื่องสิทธิและกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะตั้งคณะอนุ กมธ. เพื่อศึกษากระบวนการในการกำหนดประกาศเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ พร้อมทั้งช่วยเตรียมหารือถึงการเสนอกฎหมายลำดับรองให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

        นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล กล่าวถึงประเด็นข้อสังเกตของร่างกฎหมายฉบับนี้ ว่า ตนเสียดายที่วุฒิสภาได้ตัดเนื้อหาเรื่องการออกกฎหมายห้ามไม่ให้ใช้สื่อโฆษณาหรือเผยแพร่อันเป็นการสร้างความเกลียดชัง สร้างความเหยียดหยามต่อกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งจะนำไปสู่การแตกแยกในสังคม เนื่องจากปัจจุบันยังพบว่า มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์โจมตีและสร้างความเกลียดชังต่อกลุ่มชาติพันธุ์ เช่นเดียวกับการตัดเนื้อหาเกี่ยวกับการประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เนื่องจากเนื้อหาส่วนนี้กระทบกับ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการปรับแก้ไขต่อไป รวมทั้งติดตามการออกกฎหมายระดับรอง ซึ่งเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรและพรรคประชาชนที่จะต้องดำเนินการผลักดันให้มีการดำเนินการดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ตนขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้จนประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) นักวิชาการ และสื่อมวลชน

 

ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ