3 ส.ค. 68 - ศบ.ทก. แจงข้อเท็จจริง ไทยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามหนังสือจาก กสม. กัมพูชาถึงข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

image

        ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แจ้งข้อมูลต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามหนังสือจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) กัมพูชา ถึงข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เป็นการให้ข้อมูลบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ทางการไทยขอชี้แจงข้อมูลเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยระบุว่าในเรื่องข้อตกลงหยุดยิง ทั้งไทยและกัมพูชาได้บรรลุความเข้าใจร่วมกันในการหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีไทยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่เมืองปุตราจายา โดยให้มีการหยุดยิงโดยทันทีมีผลบังคับตั้งแต่เวลา 24.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของคืนวันที่ 28 ก.ค. 68 อย่างไรก็ดี ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อกองกำลังกัมพูชา โจมตีไทยด้วยอาวุธปืนขนาดเล็กและระเบิดมือในพื้นที่ภูมะเขือ จ. ศรีสะเกษ และยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องต่อไปจนถึงเช้าวันที่ 30 ก.ค. 68 กัมพูชาล้มเหลวในการปฏิบัติตามพันธกรณีในการเคารพข้อตกลงหยุดยิงโดยสุจริตใจ ส่วนกรณีการควบคุมตัวทหารกัมพูชาจำนวน 20 นาย เกิดขึ้นในระหว่างการสู้รบที่กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง อันเป็นผลจากการที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง มาตรการดังกล่าวดำเนินไปโดยสอดคล้องกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และไม่อาจถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหรือกฎหมายระหว่างประเทศแต่อย่างใด

        การแจ้งข้อมูลของ ศบ.ทก. ยังระบุว่าทหารกัมพูชาทั้ง 20 นาย ที่อยู่ในการควบคุมตัวของทางการไทย ได้รับการดูแลด้วยความเคารพและเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 68 เชลยศึกกัมพูชา 2 นาย ซึ่งหนึ่งรายได้รับบาดเจ็บ และอีกรายป่วยจิตเวช ได้รับการส่งตัวกลับไปยังฝ่ายกัมพูชาแล้ว ตามหลักมนุษยธรรมที่ระบุในอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 และหลักกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติด้านมนุษยธรรมที่มีมาโดยตลอดของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) ทหารกัมพูชาที่บาดเจ็บ 1 รายข้างต้น ได้รับบาดเจ็บที่แขนที่เกิดขึ้นในระหว่างการสู้รบ ไม่ได้เกิดจากการทรมานโดยทางการไทยตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ ทางการไทยได้ทำการตรวจร่างกายและให้การดูแลรักษาในเบื้องต้นแก่บุคคลทั้งสองรายดังกล่าว กล่าวคือ รายที่ได้รับบาดเจ็บที่แขน และรายที่มีอาการทางจิตจากสู้รบ โดยจัดทำข้อมูลผลการตรวจอย่างเป็นระบบเพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิง ประเทศไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการตรวจสอบข้อเท็จจริง และในโอกาสนี้ได้เชิญผู้แทนจาก ICRC และสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Office of the High Commissioner for Human Rights: OHCHR) เข้าเยี่ยมทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวด้วยแล้ว

 

ศบ.ทก. ข้อมูล / ภาพ

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ