นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสวัสดิการสังคมสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนายพงษ์เดช เดชกล้า ผู้ชำนาญการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความช่วยเหลือในการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้ผู้พิการ เพื่อให้ผู้พิการสามารถดำรงชีวิตอิสระ มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์และเสมอภาคกับบุคคลทั่วไป เพราะการปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้พิการเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง สืบเนื่องจากประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม เมื่อปี 2566 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุที่ยังตกหล่นในการให้ความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือด้วย นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ยังได้รับความร้อนจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย - กัมพูชา แม้จะมีการเจรจาหยุดยิงแล้ว แต่ยังมีเสียงปืนในบางภาคส่วน ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่พยายามช่วยกันเก็บหลักฐานเพื่อนำส่งเจ้าหน้าที่รัฐ และหากเหตุการณ์สงบลงตนจะลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
นอกจากนี้ ประธาน กมธ.ยังรับหนังสือจากตัวแทนประชาชนจังหวัดน่าน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมในตำบลน้ำแก่น อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน จำนวนกว่า 300 ราย โดยพื้นที่ดังกล่าวถูกน้ำท่วมมาแล้ว 9 วัน เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งภัยพิบัติที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำความเสียหายและความลำบากของประชาชน โดยเฉพาะตำบลน้ำแก่นไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก แต่ปีนี้กลับเป็นพื้นที่แรกที่น้ำท่วมและน้ำท่วมหนัก พร้อมมีแนวโน้มขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ กมธ.ให้ความช่วยเหลือประชาชน
ด้าน ประธาน กมธ.กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์สำคัญ 2 ด้านพร้อมกัน ได้แก่ สถานการณ์ในพื้นที่ความขัดแย้งที่คล้ายสภาวะสงคราม และสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัด ซึ่งทั้งสองสถานการณ์ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งในวันนี้ (31 ก.ค.68) กมธ.ได้จัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ (Zoom) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทั่วประเทศ ทั้งในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ และพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อรวบรวมข้อมูลความต้องการเบื้องต้นจากประชาชนในพื้นที่ รวมถึงรับฟังปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคในการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ กมธ.ยืนยันจะเร่งรัดและผลักดันการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะการดูแลกลุ่มเปราะบางซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ควรเร่งจัดสรรทรัพยากรจากทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่าง ๆ ให้เข้าไปในพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนทุกฝ่ายให้ร่วมแรงร่วมใจในการรับมือวิกฤตครั้งนี้ เพื่อให้ประเทศผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้ด้วยความเข้มแข็งและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
