นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ประธานคณะอนุ กรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษากลั่นกรองเรื่องร้องเรียนและสภาพปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภค ในกมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ รองประธาน อนุ กมธ. ร่วมกันแถลงข่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุ กมธ. ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ขอให้อนุ กมธ.ตรวจสอบบริษัทพรีมา มายา จำกัด ที่จำหน่ายอาหารเสริมลดน้ำหนัก แบรนด์ พรีมายา ว่ามีการโฆษณาเกินจริง หรือไม่ หลังมีการโพสต์ภาพผู้หญิงยืนอยู่ข้างรถยนต์ ยี่ห้อ Porsche ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงต่อมาว่าไม่ได้มีการซื้อขายรถยนต์จริง ดังนั้น ภาพที่สื่อออกไป อาจทำให้ผู้บริโภค ผู้ที่จะซื้อสินค้า หรือเป็นตัวแทนเครือข่าย มีความคาดหวังว่าจะได้กำไรเช่นเดียวกับผู้หญิงคนดังกล่าว โดยข้อความในโพสต์ระบุว่า ใช้เงินลงทุนเพียงแค่ 6,000 บาท ในระยะเวลา 3 เดือน สร้างกำไรถึง 15 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบผลประกอบการจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในเรื่องของกรุ๊ปงบกำไรขาดทุน พบว่า ในปี 2562 - 2564 รวมกัน 3 ปี ไม่ถึง 15 ล้านบาท ดังนั้น การระบุข้อความข้างต้น ไม่น่าจะเป็นความจริง ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 65 นายอัจฉริยะ ได้มีการยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการดำเนินคดีกับบริษัท พรีมา มายา จำกัด ต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยขอให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์และความผิดฐานฉ้อโกง ทางคณะอนุ กมธ. ได้เห็นถึงความสำคัญของเรื่องดังกล่าว ประกอบกับอำนาจหน้าที่และภารกิจในการมุ่งคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องสาระสำคัญเกี่ยวกับสิ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค จะต้องหาแนวทางในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะการโฆษณาเกินจริงและการฉ้อโกงประชาชน ในการนี้ อนุ กมธ. จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสรรพากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มาหารือและร่วมกันตรวจสอบ
ภายหลัง อนุ กมธ.ตรวจสอบแล้วพบว่า ทางบริษัทดังกล่าว ไม่ได้มีการยื่นขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ทำการสืบสวนและสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบสวน สอบสวน และได้มีการออกหมายเรียกผู้กระทำความผิด และหากมีความผิดจริงอาจมีการพิจารณาไปถึงความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ทั้งนี้ อนุ กมธ. ได้ตั้งข้อสังเกตและขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในเรื่องของการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และขอให้กรมสรรพากรได้ตรวจสอบย้อนหลังว่า เส้นทางการเงินจากบริษัทแม่ รวมถึงตัวแทนการขายต่าง ๆ ตลอดจนบุคคลธรรมดา ได้มีการยื่นเสียภาษี หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทางกรมสรรพากร ได้ตรวจสอบบุคคลที่เป็นตัวแทนการขายแล้ว พบว่าไม่ได้มีการยื่นเสียภาษี แต่อย่างใด
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง