19 ธ.ค. 67 - สส.ร่มธรรม พรรคประชาธิปัตย์ ขอทุกภาคส่วนสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการภาวะโลกร้อนฯ กำหนดมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย หวังเป็นกลไกแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม ยั่งยืน

image

            นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงการยื่นร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)บริหารจัดการภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งตนเองและคณะ เป็นผู้เสนอ เนื่องจากปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยในปี 67 เพียงปีเดียว ไทยเผชิญทั้งภัยร้อน ภัยแล้งที่รุนแรง อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันยังเผชิญฝนตกหนัก และน้ำท่วมอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ของประเทศทั้งภาคเหนือและภาคใต้ สภาพอากาศสุดขั้วเหล่านี้สร้างความเสียหายต่อประชาชน และต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล ซึ่งไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาภาคการเกษตรและการท่องเที่ยว วิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ไทยยังถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดในโลก และจะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในอนาคต จึงเป็นเวลาเหมาะสมในการเสนอร่างกฎหมาย เพื่อเป็นกลไกควบคุมบริหารจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการก่อภาวะโลกร้อนและโลกรวน และเพื่อเป็นเครื่องมือในการเพิ่มความสามารถของประเทศในการรับมือ ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) 
            นายร่มธรรม กล่าวต่อว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีกลไกสำคัญหลักๆ 6 ประการ ประการที่ 1 คือ การกำหนดเป้าหมายการบริหารจัดการภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประการที่ 2  คือ การใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อมากำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการให้เกิดการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ประการที่ 3 คือ การจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินการบริหารจัดการภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นส่วนสำคัญที่ตนขอเน้นย้ำ โดยกองทุนนี้จะมีไว้เพื่อสนับสนุนประชาชน ชุมชน และองค์กรต่างๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงเพิ่มความสามารถในการรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยทางสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสามารถนำเงินสนับสนุนจากนานาประเทศเข้ามาสนับสนุนในกองทุนนี้ได้ ประการที่ 4 คือการใช้มาตรการให้องค์กรต่างๆ ต้องรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กักเก็บ และดูดซับการเรือนกระจก เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ประการที่ 5 คือการใช้กลไกในการลดการปล่อยคาร์บอน อาทิ ภาษีคาร์บอน และคาร์บอนเครดิต และประการที่ 6 คือ การปรับตัวต่อภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำเป็นต้องมีการคาดการณ์ผลกระทบ และต้องมีแผน มีมาตรการในการรับมือ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด 
            นายร่มธรรม ย้ำว่า ตนและ สส.อยากเห็นการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศในระยะยาวอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำแล้ง และน้ำท่วม รวมไปถึงการบริหารจัดการภัยพิบัติ และการให้ความเยียวยา ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เหมาะสมที่สุดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง นอกจากนี้ ทราบว่ากระทรวงที่เกี่ยวข้องได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี และกฤษฎีกาพิจารณาต่อไป จากนั้นจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เช่นเดียวกับหลายพรรคการเมืองและภาคประชาชนที่ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติในทำนองเดียวกันนี้เข้ามาสู่สภาผู้แทนราษฎรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนจึงขอสื่อสารไปยังรัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ขอให้ร่วมกันสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าร่างกฎหมายนี้จะได้รับการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว เพื่อให้เกิดกลไกที่แก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน ภาวะโลกรวนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ต่อไป 


อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ