พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีการปฏิรูปกองทัพในรายการ Law talk กับ ส.ว. ว่าทุกประเทศมีทหารและกองกำลังเพื่อป้องกันประเทศ ไว้สู้รบในยามออกศึกสงคราม และเมื่อยามสงบต้องมีกำลังในการพัฒนาประเทศชาติ เมื่อเทียบกองกำลังทหารของประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ แล้วถือว่าไทยมีกองทัพที่ดีมีการพัฒนาปรับปรุงมาโดยตลอดนับตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มมีกองทัพแบบสมัยใหม่ในรัชกาลที่ 5 มาจนถึงปัจจุบัน การพัฒนาดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลก สำหรับปัจจัยที่ทำให้มีกองทัพแบบสมัยใหม่ อาทิ สภาพความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ภัยคุกคาม และที่สำคัญยังมีเรื่องของงบประมาณในการจัดหาอาวุธที่ทันสมัย สำหรับประเทศไทยมีการปฏิรูปกองทัพมาอย่างต่อเนื่อง เช่นกรณีเมื่อปี พ.ศ. 2548 - 2549 ไทยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกองทัพ โดยผลจากการศึกษาของคณะกรรมการฯ นำไปสู่การแก้ไขแปรสภาพของกองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นกองบัญชาการกองทัพไทย และมีการจัดระเบียบกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ให้ขึ้นตรงต่อกองบัญชาการกองทัพไทย ขณะที่ก่อนหน้านั้นยังมีการลดกำลังกองทัพ และเพิ่มยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ดังนั้นการปฏิรูปกองทัพจึงไม่ใช่สิ่งที่คิดจะทำแล้วใช้ระยะเวลา 1-2 ปีจะแล้วเสร็จ แต่ควรมองเป็นแผนระยะยาวและต้องใช้ระยะเวลาในการปฏิรูป ต้องคำนึงถึงขีดความสามารถของกองทัพในการป้องกันประเทศเป็นสำคัญ และไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นได้ เนื่องจากประเทศไทยมีแนวชายแดนทั้ง 4 ด้านกับมาเลเซีย เมียนมา กัมพูชา และ ลาว ซึ่งแตกต่างกับประเทศในแถบทวีปยุโรปและอเมริกา ที่ประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อกันนั้นไม่ได้ประสบปัญหาเรื่องเขตแดนและมีความเป็นพันธมิตรต่อกัน
พลเอก อกนิษฐ์ กล่าวว่าปัจจุบันกองกำลังทหารในประเทศไทยลดจำนวนลงมากแล้ว การลดกำลังคนแต่ละครั้งต้องควบคู่ไปกับการมีเครื่องมือที่ทันสมัย ส่วนตัวคาดหวังจะเห็นกองทัพ ที่มีขนาดกะทัดรัด แต่ต้องมีสมรรถนะสูง จึงขอฝากไปถึงผู้ที่จะออกมาปฏิรูปกองทัพให้คำนึงถึงการพัฒนาระบบกำลังสำรองให้มีความเข้มแข็ง เพื่อสามารถเรียกระดมพลในยามที่ประเทศชาติประสบปัญหาได้
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เพจเฟซบุ๊กวุฒิสภา