นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับมอบหมายจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนรับการยื่นรายชื่อประชาชน จำนวน 13,975 รายชื่อ จากนางสาวนัยนา สุภาพึ่ง ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ (for-sogi) อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) และนางสาวสุรางค์ จันทร์แย้ม ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่ม ได้ยื่นรายชื่อเพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ยกเลิกพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539
นางสาวนัยนา กล่าวว่า การเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้การค้าบริการทางเพศโดยสมัครใจไม่เป็นความผิดอาญา และเพื่อให้ผู้ให้บริการทางเพศซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจในฐานะแรงงานสามารถเข้าถึงสิทธิและได้รับการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ ในสังคม ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานที่ประกอบอาชีพดังกล่าวจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน จึงเสนอร่างกฎหมายนี้เพื่อให้ผู้ประกอบอาชีพบริการมีสิทธิสวัสดิการและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ใช่ถูกเลือกปฏิบัติเหมือนอดีตที่ผ่านมา
ด้านนางสาวสุรางค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในนามของเครือข่ายพนักงานบริการ ขอขอบคุณ ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ให้โอกาสมายื่นร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ซึ่งประเทศไทยใช้กฎหมายดังกล่าวมานานกว่าหลายสิบปี โดยหลักการและเหตุผลของการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวในอดีต หวังแก้ปัญหาค้าประเวณี แต่ในความเป็นจริงการค้าประเวณีเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ทุกคนมีสิทธิ์ขั้นพื้นฐานในการประกอบอาชีพเพื่อมีรายได้ไปเลี้ยงตนเอง ดังนั้นกฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี จึงไม่ได้เป็นการแก้ที่สาเหตุ แต่กลับเพิ่มภาระความยากลำบากให้ผู้ประกอบอาชีพบริการ จึงถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องยอมรับความเป็นจริง และต้องมองเรื่องการค้าประเวณี หรือพนักงานบริการ เป็นสิทธิมนุษยชนที่ต้องได้รับการคุ้มครองในฐานะความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกับคนอื่นในสังคม
ด้านโฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ตนจะเรื่องดังกล่าวเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และจะนำรายชื่อประชาชนที่ร่วมเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง
