6 ต.ค. 63 – คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาติดตามและเสนอแนะด้านพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานวุฒิสภา แนะการจัดทำโครงการตามร่างแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติต้องดำเนินการแล้วเสร็จในระยะสั้น ไม่มีความซับซ้อนสอดรับแนวทางล้มแล้ว ลุกไว
พลเอกสราวุฒิ ชลออยู่ ประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาติดตามและเสนอแนะด้านพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน ในคณะกรรมาธิการการพลังงานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่างแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 พ.ศ.2563 ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการเห็นว่าโครงการตามร่างแผนแม่บทควรเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการให้เสร็จในเวลาอันสั้น รวดเร็ว และต้องเป็นโครงการที่ไม่มีความซับซ้อนดำเนินการได้เลย อาทิ โครงการเกี่ยวกับภาคเกษตรและการท่องเที่ยว เพื่อสอดรับกับหลักการของร่างแผนแม่บทที่ว่าล้มแล้ว ลุกไว ส่วนบางโครงการที่ต้องใช้เวลาดำเนินการระยะยาว อาทิโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลโครงการเกี่ยวกับพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน อนุกรรมาธิการเห็นว่าไม่สอดรับกับระยะเวลาที่กำหนดตามร่างแผนแม่บทอาจทำให้ไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายได้ รวมทั้งเห็นว่าควรมีโครงการที่สนับสนุนการส่งออกสินค้าให้มีความหลากหลายเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าด้วย
คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาติดตามและเสนอแนะด้านพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานเตรียมที่จะติดตามถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปประเทศด้านพลังงานในประเด็นปฏิรูปที่ 17 การส่งเสริมเทคโนโลยีระบบการกักเก็บพลังงาน (ESS) และเห็นว่าควรกำหนดกรอบและวัตถุประสงค์ของการศึกษา เพื่อการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมให้ข้อมูลรวมทั้งควรศึกษาเรื่องระบบการกักเก็บพลังงานทั้งระบบสำหรับใช้ในระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศและสำหรับใช้ยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ตามประเด็นปฏิรูปประเทศพลังงานที่ 17 เป็นหลักด้วย
ชื่นใจ แดนไธสง / ข่าว
ลักขณา เทียกทอง / เรียบเรียง